วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2554

Pu Dacuo National Park @ Shangri-la

ที่จอดรถก่อนเข้าอุทยานแห่งชาติผู่ต้าชอว์ ถ้าเช่ารถมาต้องเสียค่าผ่านเข้ามาจอด 5 Y ด้วย

ป้ายทางเข้าอุทยานฯ

บัตรราคาเต็ม 190 Y ราคานี้รวมค่ารถของอุทยานฯ แล้ว
ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่นี่ลดได้ ไชโย!! พ่อเลยลดราคาได้มาใบนึง 135 Y
บัตรนศ.จะลดได้ต้องอายุไม่เกิน 24 ปี

ด้านหลังบัตรราคา 190 Y

ด้านหลังบัตรราคา 135 Y

จุดชมวิวแต่ละที่ มีแผนที่แสดงให้ดูอย่างเด่นชัด

ที่แรกที่ลงคือ ทะเลสาบ Shudu (Shudu Lake)

มีทางเดิน แต่ไม่ได้เดิน กลัวเดินกันไม่ไหว
เลยถ่ายรูปเล่นแถวนั้น และรอขึ้นรถคันต่อไปอีกเกือบ 40 นาทีได้

พอขึ้นรถ สักพักเขาก็จอดให้ลงอีกที่นึง
ยังคงเป็นทะเลสาบซูโต เหมือนเดิม

แต่เป็นอีกมุมนึง ที่มองเห็นภูเขามีหิมะปกคลุมด้วย

มุมนี้ด้วย

นี่ก็ด้วย ที่นี่รถของอุทยานเขาจอดรอพวกเรา พวกเราก็เลยรีบถ่าย รีบขึ้นรถต่อ

ที่ต่อไปที่รถจอดคือ ที่ราบ Militang
จากภาพแม้จะดูแห้งแล้งไปหน่อย แต่บรรยากาศจริงนั้นหนาวเย็น ลมแรง
มีแดด รวมๆ แล้วบรรยากาศก็ใช้ได้เลย เพียงแต่เดือนเมษายนที่ไปมันขาดสีสันไปหน่อย


แล้วต่อไปก็คือทะเลสาบ Bita หรือผีต้าไห่ (Bita Lake)
ที่เหมือนเรามาไม่ถึงยังไงก็ไม่รู้ เพราะดันไม่ได้นั่งเรือชมวิว
สงสัยต้องหาโอกาสไปใหม่


แล้วต้องมาเดือนไหนเนี่ย ถึงจะได้วิวสวยอย่างในรูป ?

ถ้าใครไปเดือนอื่นช่วยรีวิวให้ดูด้วยนะคะ อยากเห็นว่าเดือนไหนสวยที่สุด

= : = : = : = : = : = : = : = : =


เช่ารถ รถเช่า @ Qiaotou - Shangri-la


จากเมืองเฉียวโถว (Qiaotou) ที่ได้แวะชมความยิ่งใหญ่ของช่องแคบเสือกระโจน
คนขับรถบัสคันที่เรานั่งมาจากลี่เจียง ก็ถามเราว่ามีรถไปแชงกรีล่า หรือยัง
ถ้าไม่มีเขาจะแนะนำให้ โดยจากเฉียวโถวไปแชงกรีล่า รถเช่าคันนี้เขาจะคิดราคา 150 Y
เราก็เลยตกลง จุดนัดพบคือร้านอาหารที่เมืองเฉียวโถว


อันนี้นามบัตร ชื่อคุณ ต้าซีวานเสีย
เป็นคนเผ่าอู๋... อะไรสักอย่าง จำไม่ได้อีกแล้ว
เขาพักอยู่ที่เมืองแชงกรีล่านี่แหละ ถ้าเดินๆ อยู่ที่ลานจาดรถของเมืองแชงฯ
อาจจะเจอกับเขาคนนี้ก็ได้ เป็นคนอัธยาศัยดี แต่พูดอังกฤษไม่ได้นะ
ถ้าเราพูดจีนไม่ได้ด้วย คงต้องใช้ภาษาใบ้ + พิมพ์ภาพสถานที่ที่จะไปให้เขาดู

อ้อ ถ้าเห็นนามบัตรหน้าตาแบบนี้ แต่เบอร์โทรไม่ใช่ ก็ไม่ต้องแปลกใจ
เพราะรู้สึกที่นี่เขาจะใช้รูปนี้ทำนามบัตรเหมือนกันหมดเลย
แล้วเปลี่ยนแค่ชื่อ เบอร์โทร ทะเบียนรถ


รูปวิวข้างทางระหว่างเฉียวโถว (Qiaotou) ไปแชงกรีล่า (Shangri-la)


ถ้ามาตอนเขียวชอุ่ม คงสวยกว่านี้มาก


ที่จุดชมวิวนี้มีขายผลไม้อบแห้งด้วย


รูปนี้คนขับกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ รถ
รถของเขาใหม่มาก เพราะเพิ่งซื้อมาไม่กี่เดือนเอง
 ขนาดรถใหญ่กว่าเมี่ยนเปาเชอ หน่อยนึง แต่เล็กกว่ารถตู้บ้านเรา
ถ้านั่งสบายๆ หน่อย ก็ 7 ที่นั่ง แต่ถ้าจะนั่งกัน 9 คนก็พอไหว ไม่นับรวมคนขับนะ
และดูจากการขับจากเฉียวโถวไปแชงฯ ดูแล้วก็ชำนาญทางดี
ก็เลยจ้างพาเที่ยวต่ออีก 1 วัน
ไปวัดโปตาลาน้อย (วัดซงจ้านหลิน) -นาพาไห่-อุทยานแห่งชาติผู่ต้าชอว์
และก็กลับมาส่งที่เมืองแชงฯ รวมแล้วก็ 150 Y (ต้องต่อรองนิดหน่อย)
และก็ถามราคาไปส่งสนามบินแชงกรีล่า (Diqing) เขาบอกว่า 40 Y
ซึ่งเราเห็นว่าแพงไปก็เลยไม่ได้จ้างให้ไปส่ง
เพราะอ่านเจอรีวิวอื่นบอกว่าสนามบินอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง
พอถึงวันจริงก็เลยออกแต่เช้าแล้วเรียก Taxi ที่ขึ้น meter ว่าง
ปรากฎว่า พอเรียกปุ๊บ เขาก็บอกว่าจะไม่กด meter
แต่จะให้เหมาไป 30 Y ยืนคิดสักพักก็ตอบตกลง
เพราะขี้เกียจรอเรียกคันอื่น ท่าทางจะต้องเหมาราคาประมาณนี้เหมือนกัน
แต่ตอนนั่งเขาก็เปิดมิเตอร์ให้ดูนะ เค้าจะโชว์ให้เจ็บใจทำไมก็ไม่รู้
เพราะราคาไปถึงสนามบินประมาณ 15 Y เกือบพอดี
Posted by Picasa

จาก Lijiang สู่ช่องแคบเสือกระโจน @ Qiaotou


การเดินทางจากลี่เจียง (Lijiang) ไปช่องแคบเสือกระโจน
เราเลือกแบบไปลงที่เมืองเฉียวโถว (Qiaotou)



หลังจากผิดหวังจากอาเจ๊คนขับรถเช่า ที่คุณหวงลี่ฮัวแนะนำมา (คนขับรถเช่าที่ในพันทิพแนะนำกัน)
เนื่องจากตัวคุณหวงลี่ฮัว เองบอกว่าคิวไม่ว่าง
วันต่อมาเลยตัดสินใจเช่ารถใหม่กับคุณเหอ ลี่ เฉียน 
(หาดูเพิ่มเติมได้จากหนังสือยูนนาน ของพี่วุฒิ-เคท)
 หรือโทร 135-0888-5067 และ 139-8888-5403 (ข้อมูล ณ ปี 2011)
คุณเหอ อัธยาศัย ดีมาก อาสาพาเรามาซื้อตั๋วไปเฉียวโถวที่สถานีขนส่งด้วย
ตามรูปข้างบน เป็นรูปสถานีขนส่ง ถ่ายมาจากโมเดล



นามบัตรด้านหน้า และหลังของสถานีขนส่งแห่งนี้
ถ้าพักใกล้ประตูทางใต้ของลี่เจียงกู่เฉิง ทางออก Crowne plaza Hotel
ก็สามารถไปถึงสถานีขนส่งโดยแท็กซี่ ใช้เวลาแป๊บเดียว


เราถามหารถแบบ VIP แต่คนขายตั๋วบอกไม่มี มีแต่รถธรรมดา
ซึ่งมีที่นั่งแถวละ 3 คน ฝั่งซ้าย 2 คน ฝั่งขวา 1 คน
และก็เป็นรถแบบต้องเปิดกระจกรับลม
ที่แย่หน่อยคือ ไม่มีที่ใส่กระเป๋าเดินทางข้างรถ
ต้องแบกกระเป๋าขึ้นไปไว้บนรถด้วย
ช่องเก็บกระเป๋าเหนือศีรษะก็แคบไปหน่อย ใส่ได้แต่เป้ใบเล็กๆ
ถ้าเป้แบบที่ชาว Backpacker ใช้กันก็น่าจะยัดเข้าไปไม่ได้เหมือนกัน


รูปบัตรโดยสารจากลี่เจียงไปเฉียวโถว รถออก 8:30
ค่าโดยสารคนละ 16 Y รวมค่าประกันอีกคนละ 3 Y
ทั้งหมดก็ 76 Y แต่หน้าตั๋วที่เห็นคือ 64 Y และมีแม๊กรวมบัตรประกันด้านหลังอีก
พอใกล้เวลารถออก โชคดีที่เราไปถึงเร็วหน่อยเลยมีที่วางกระเป๋าตรงทางเดิน
และนึกว่าคนไม่เต็ม ที่ไหนได้สักพักนึง คนขึ้นมาเต็มรถเลย
พอคนครบ คนขับก็ออกรถเลย

พอรถออกไปได้สักพัก ถึงได้รู้ว่า รถคันนี้เหมือนรถรับจ้างส่วนตัวเลย
เพราะได้ยินผู้หญิงที่มากับคนขับ คุยกับกลุ่มสูงวัยด้านหลัง
สรุปความได้ว่า เดี๋ยวรถคันนี้จะไปส่งถึงข้างในช่องแคบเสือกระโจน
แล้วก็พานั่งรถออกมากินข้าว ก่อนจะพากลุ่มนี้กลับลี่เจียง
โดยจะคิดค่าโดยสารเพิ่มเท่าไหร่ไม่แน่ใจ

พวกเราก็เลยสนใจว่าจะติดรถไปข้างในช่องแคบฯ ด้วย
และค่อยหารถไปแชงกรีล่าอีกที เขาคิดอีกคนละ 23 Y ซึ่งเราว่าแพงเหมือนกัน
แต่พ่อเราก็ฟังสำเนียงจีนกลางของเค้าไม่ค่อยเข้าใจ
ก็เลยขี้เกียจต่อรองมาก รวม 4 คนเขาคิด 90 Y
พอรวมกับค่ารถลี่เจียงมาเฉียวโถวแล้ว
ก็ยังถูกกว่าที่คุณเหอเสนอมา 200 Y ก็เลยเอาตามนี้


พอมาถึงทางเข้า ก็มีคนขึ้นมาเก็บตั๋วค่าเข้าช่องแคบฯ คนละ 50 Y
พอยื่นบัตรนศ.ให้ดู เขาก็บอกว่าลดไม่ได้ ประมาณอายุเกินแล้ว
แต่เราอ่านเจอมาว่าปีเกิดเรายังไม่เกิน ก็เลยลองยื่นดู
ทีนี้พอบัตรใช้ไม่ได้ เลยรู้อายุเราหมดเลย เพราะที่นี่เขาคุยกันเสียงดังน่าดู
อุตส่าห์แอ๊บแบ๊ว ทำหน้าเด็ก มาตั้งนาน อิอิ
ส่วนพ่ออายุ 60 กว่าก็ลดไม่ได้อีก
เขาบอกว่าต้องมีบัตรปชช.ของจีน ประมาณนั้น
สรุปลดไม่ได้เลยสักคน เซ็งเลย


พอถึงที่ ก็ให้เวลาเดินประมาณชั่วโมงนึงถึงชั่วโมงครึ่ง ทางเข้าเสือกระโจนฝั่งนี้
เป็นแบบบันไดหลายร้อยขั้น เป็นฝั่งที่เราอยากจะมาตั้งแต่แรก
เพราะใช้เวลาเดินไปกลับไม่มาก (เห็นเขาเรียกทางเข้าฝั่งนี้ว่า ฝั่งแชงกรีล่า)
อีกฝั่งนึงเป็นทางเดินทอดยาวไกล บันไดไม่มาก (ฝั่งลี่เจียง)

รูปนี้เป็นรูปทางเดินฝั่งโน้น แต่ถ่ายจากฝั่งบันไดที่เรายืนอยู่ฝั่งนี้


ตอนลงนี่พวกเราลงอย่างเร็ว นำหน้ากลุ่มสูงวัยที่นั่งรถมาด้วยกัน
แต่ตอนขึ้นนี่กลับตรงกันข้าม เพราะกลุ่มสูงวัยถึงรถก่อน
โดยเห็นพักแค่ครั้งเดียว ตอนเข้าห้องน้ำที่อยู่ด้านบนสุดก่อนขึ้นรถ
อาจจะเป็นเพราะเราดันไปเผลอวิ่งดักหน้า เพื่อจะมาถ่ายรูปข้างล่างนี้ให้ทัน

หลังจากนั้นก็เหนื่อยไม่หายเลย หอบ และต้องพักตลอดทาง
แต่จริงๆ ถึงไม่ได้จะมาถ่ายรูปนี้ให้ทัน ก็คงเหนื่อยหอบอยู่ดี
เพราะที่นี่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากเหมือนกัน อากาศจึงเบาบาง
แต่ทำไมคนจีนสูงวัยกลุ่มนั้น ถึงเดินเก่งจังหว่า


หลังจากชมความยิ่งใหญ่ของช่องแคบเสือกระโจนเสร็จ
รถคันเดิมก็ออกมาส่งตรงร้านกินข้าว ผู้หญิงที่มากับคนขับก็บอกว่า
เดี๋ยวจะพาไปกินข้าวกลางวัน ข้าวผัด หมี่ผัด ประมาณนี้ ชามละ 5-6 Y
เราก็นึกในใจ ว่าจริงหรอ!! เพราะที่อ่านมาเขาบอกว่ากินข้าวที่เมืองเฉียวโถว
แถบช่องแคบฯ แถวนี้ มันแพงมากนี่หน่า



รูปร้านอาหารละแวกนี้ มีหลายร้าน
แต่เจ๊ที่มากับคนขับพาเข้าร้านขวาสุด (ถ้าหันหน้าเข้า)
เราเห็นเขาสั่งกับข้าวเป็นอย่างๆ มากินกัน แต่พวกเรากลัวกินไม่หมด
เลยสั่งข้าวผัดหมูใส่ผักแบบง่ายๆ มา 3 จาน
แล้วกลัวติดคอก็เลยสั่งน้ำแกงมาเพิ่ม

อาหารมาแล้ว หน้าตาก็ดูจืดๆ ไม่ค่อยหน้ากินแบบในรูปนี้เลย
กว่าจะสั่งมาได้แบบนี้ เล่นเอาเมื่อยเลย
รสชาดข้าวผัดพอใช้ได้ แต่น้ำแกงนี่ชามใหญ่มาก มาเป็นโถ
และก็จืดมากเช่นกัน เลยขอพริกเขามาแกล้มหน่อย

แต่เห็นอย่างนี้ก็กินข้าวผัดหมดนะ เพราะหิวและเหนื่อย
แต่น้ำแกงเหลือเต็มเลย

ระหว่างนี้ คนขับรถเช่าที่เราตกลงไว้ก็มาถึง พอดีเขารับคนมาจากแชงกรีล่า
มาต่อรถที่เฉียวโถว เพื่อจะไปลี่เจียง
รถที่พวกนั้นจะไปต่อก็คือรถคันที่เรานั่งมาจากลี่เจียงนั่นแหละ
ส่วนเราก็จะนั่งรถตู้ขนาดเล็กคันนี้จากเฉียวโถวไปแชงกรีล่าต่อไป

ระหว่างกินข้าวอยู่ เขาก็เรียกให้พวกเราย้ายกระเป๋าไปใส่รถตู้คันใหม่
แล้วก่อนที่เราจะกินกันเสร็จ พวกคนขับรถ พร้อมผู้หญิงที่มาด้วยกับคนขับ
และก็กลุ่มสูงวัยที่จะกลับลี่เจียง ก็กินกันเสร็จแล้วสั่งเช็คบิลไปกันเรียบร้อยแล้ว

พอพวกเราเช็คบิลบ้าง ก็ต้องตกกะใจกับราคา
จำราคาได้แม่น ไม่ต้องเปิดโพยช่วยจำเลย
ข้าวผัด 3 จานรวม 45 Y น้ำแกงที่เห็นชามนั้นชามเดียว 45 Y
เราก็ทำเป็นโวยวาย ว่าทำไมแพงจัง แต่ก็รู้ว่าคงไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่
โดยบอกว่าเจ๊ที่มากับคนขับคันนั้น เขาบอกว่าข้าวผัดชามละ 5-6 Y เท่านั้น
แต่ตัวเจ๊ก็อันตรธาน หายไปซะแล้ว ก็เลยไม่รู้จะไปเรียกร้องกับใคร

แต่ก็ว่าแล้วเชียว ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ราคาจะถูก
ราคาข้าวผัดน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ที่แพงเวอร์คือน้ำแกงอันจืดชามนั้น
มันจำขึ้นใจเลยทั้งหมดก็ 90 Y ประมาณ 450 บาทได้

หลังจากกินพออิ่ม แบบไม่เต็มใจจะจ่าย
พวกเราก็เดินทางต่อด้วยรถตู้ขนาดเล็กคันใหม่เอี่ยม เพื่อไปเยือนแชงกรีล่าต่อไป

ดูข้อมูลเกี่ยวกับรถเช่าไปแชงกรีล่าได้ที่
http://myhappyimage.blogspot.com/2011/04/rental-car-qiaotou-shangri-la.html


วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2554

เจดีย์สามองค์ @ Dali

Chongsheng Temple & Three-Pagoda
วัดที่มีเจดีย์สามองค์ ที่บางคนมองข้าม เพราะว่าค่าเข้าแพง
แต่เข้าไปแล้วคุ้มจริงๆ


รูปทางเข้าไปซื้อตั๋วข้างใน


ราคาค่าเข้า ทั่วไป 121 Y
ถ้ามีบัตรนศแบบอินเตอร์ก็ลดได้เหลือ 62 Y


สองบัตรข้างบนซื้อได้ที่ช่อง
Ticket Office for Individual Traveler


ก่อนหน้านี้เจ๊ (เจ๊เจ้าของ GH ที่เราพัก) แนะนำว่าถ้าฝากเจ๊ซื้อ
ค่าบัตรจะเหลือคนละ 100 Y เอง ก็เลยตกลง
แล้วเจ๊ก็มาพร้อมกับคนที่ดูเหมือนเป็นไกด์ แล้วไกด์
ก็เดินไปซื้อตั๋วช่อง Ticket Office for Tourism Group Card ...
ตามรูปข้างบนนี้ แอบเห็นตัวเลขบนบัตรแว้บๆ ว่ามีเลข 8 ไม่แน่ใจว่า 80 หรือเปล่า
เพราะตอนแรกนึกว่าจะให้ตั๋วเราด้วย ก็เลยไม่ได้ตั้งใจดูเท่าไหร่

แล้วไกด์คนนี้ก็พาเราไปที่ทางเข้า ยื่นบัตรสแกนแล้วเข้าไปด้วยกัน
แอบดีใจ คราวนี้มีจะมีไกด์คอยบรรยายให้ฟังด้วย ดีใจๆ
สักพักไกด์ก็พามาหยุดยืนอยู่ตรงแผนที่ แล้วถามว่าจะนั่งรถไฟฟ้ามั้ย
ถ้านั่งก็ให้ซื้อตั๋วตรงนี้คนละ 15 Y

ขอเปลี่ยนรูปแผนที่หน่อย อันนี้จะอธิบายได้ง่ายกว่า เพราะรูปเหมือนสถานที่จริง
P1-P3 และดาวสีเหลืองนี่วาดขึ้นเอง คือกะประมาณเอาคร่าวๆ (คลิกที่รูปเพื่อขยาย)
พอเราขึ้นรถที่บริเวณจุดที่ซื้อบัตรรถไฟฟ้า รถจะวิ่งไปจอดที่จุด P1 
เพื่อให้เราเดินขึ้นไปไหว้พระบนวัดทีละตำหนัก (หรือศาลา เรียกไม่ถูก)
จนถึงจุด P2 ค่อยนั่งรถกลับลงมายังจุด P3
เพื่อเดินขึ้นไปชมเจดีย์สามองค์ และขึ้นไปบนศาลา (ดาวสีเหลือง) ถ่ายรูปมุมสูง
หรือถ้าเดินไม่ไหว จะถ่ายรูปแค่จุด P3 ก็ได้ แล้วก็เดินลงมาสู่ทางออก
(ทางออกจะวกวนนิดหน่อย ต้องผ่านหน้าน้ำตกวิวสวย 
แล้วเดินย้อนขึ้นไปออกมาเจอร้านขายของที่ระลึก)
ไกด์อธิบายแผนที่อย่างละเอียดหลายรอบ จนเราเข้าใจในแผนที่
และเข้าใจว่าที่อธิบายละเอียดอย่างนี้ ก็เพราะ....ไกด์จะไม่ไปกับเราด้วย
อ้าววว อาไรเนี่ย อุตส่าห์หลงดีใจ แต่ไม่เป็นไรเพราะไปเองก็สะดวกดี
จะเดินนานเท่าไหร่ก็ได้ จะถ่ายรูปมุมไหนก็สะดวก ไม่มีใครมาขัด
..... แอบปลอบใจตัวเอง


รูปรถไฟฟ้าที่จอดรอคิว


หน้าตาบัตรรถไฟฟ้า มีสองมุมให้ฉีก
ฉีกครั้งแรกตอนนั่งจากที่ซื้อตั๋วไป P1
ฉีกครั้งที่สองตอนนั่งจาก P2 ไป P3

บริเวณลานจอดรถ P1


ระหว่างทางมีร้านขายธูป เทียน ของบูชา ฯลฯ


เดินไหว้พระจากจุด P1 ขึ้นไปเรื่อยๆ จนอิ่มอกอิ่มใจกับบรรยากาศเย็นๆ แต่แดดแรงใช้ได้
และรู้สึกอิ่มบุญดีแล้ว ก็มาถึงที่ลานจอดรถ P2 ตามรูป

แล้วรถก็จะวิ่งมาจอดบริเวณลานจอดรถ P3 ซึ่งเป็นมุมถ่ายรูปเห็นเจดีย์ครบสามองค์พอดี

จากจุดจอดรถ P3 เดินขึ้นมาหน่อยก็เจอป้ายบอกทาง

เดินมาหน่อยก็เป็นบริเวณรอบเจดีย์สามองค์แบบระยะใกล้
ระหว่างเดินถ่ายรูปอยู่ ก็พบพระลามะรูปนี้ กำลังเป่าแตร เสียงดัง ก้องกังวาน
อยู่ตรงเจดีย์องค์ใหญ่สุดพอดี


เดินต่อไป เห็นศาลา (ดาวสีเหลือง) นี้อยู่ไกลๆ เห็นคนขึ้นไปข้างบนได้ เลยลองขึ้นไปบ้าง
ไม่เสียแรงที่ขึ้นมา เพราะข้างบนนี้ถ่ายรูปจากมุมสูงลงไปวิวสวยดี
โดยเฉพาะรูปแบบ Panorama

จากศาลามุมสูง (ดาวสีเหลือง) ถ่ายขึ้นไปจะเห็นศาลา กับภูเขาหิมะเป็นฉากหลัง


จากนั้นเดินกลับลงมา ผ่านเจดีย์สามองค์ เดินลงไปสักพักจะเจอน้ำตกตามรูป

อีกรูป เจดีย์สามองค์ (ซานถ่า) กับบริเวณใกล้ๆ ทางออก

= : = : = : = : = : = : = : = : = : = : = : = : = : = : = : =

เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ประทับใจมากๆ ด้วยบรรยากาศของวัดและเจดีย์สามองค์
ที่จัดวางโครงสร้างของตำหนัก ศาลาต่างๆ ได้อย่างสวยงาม
เมื่อมองขึ้นไปจะเห็นภูเขาเรียงต่อกันเป็นแนวยาวอยู่เบื้องหลัง
 ยิ่งภูเขาไหนยังหลงเหลือหิมะอยู่บนยอดด้วยแล้ว สวยงามเกินคำบรรยายจริงๆ
เชื่อว่าถ้าใครได้ไปที่นี่แล้ว คงมีความรู้สึกอย่างเดียวกัน
แล้วอย่างนี้ถ้าท่านไปถึงต้าลี่ทั้งที จะยอมพลาดเจดีย์สามองค์ได้ยังไงกัน ^__^

ปล. ควรลองถามเจ้าของ GH ที่เราพักดู ว่าจะให้ซื้อตั๋วเข้าซานถ่าคนละเท่าไหร่
เขาอาจจะเสนอค่าเข้าแบบหมู่คณะ (100 Y/คน) ให้เราก็ได้
เพราะเขาก็คงได้ค่านายหน้าด้วย และเราก็ได้ค่าเข้าที่ถูกลงด้วย
(เหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้บัตรนศ.เป็นส่วนลด)
เรียกว่า win-win ทั้งสองฝ่าย หรือลองติดต่อร้านขายทัวร์ดู น่าจะถูกกว่านี้หน่อย
เพราะก่อนจะไปวัดเห็นเจ๊ (เจ๊เจ้าของ GH ที่เราพัก) พาแวะร้านหนึ่งก่อน
ร้านตั้งอยู่บนถนนที่น่าจะขนานกับถนนที่เราพัก แต่ไม่ได้ติดกันนะ
ถ้าหันหน้าออกจากประตูหนานเหมินต้องเดินไปทางขวาเรื่อยๆ
จนเจอถนนที่ว่านี้แหละ ร้านนั้นน่าจะเป็นที่ตั้งของบริษัททัวร์ นำเที่ยว และขายตั๋วรถทัวร์ด้วย
คิดว่าถนนเส้นนี้น่าจะมีหลายบริษัททัวร์ตั้งอยู่ และถนนเส้นนี้ก็มีที่พักด้วย แต่ไม่รู้ราคา