วันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Diqing, Shangri-la Airport


พวกเรานั่งแท็กซี่จากเมืองเก่าจงเตี้ยน (แชงกรีล่า) มาถึงสนามบิน
เกือบๆ 7 โมงเช้าได้ ใช้เวลาเดินทางไม่น่าเกิน 15-20 นาที
ด้วยราคาเหมา 30 Y ถ้ามาสายหน่อย Taxi อาจจะยอมกดมิเตอร์
ก็จะแค่ 15 Y เท่านั้น ตอนขนกระเป๋าออกมาจากที่พัก ยังมืดๆ อยู่เลย
พอถึงสนามบิน สิ่งแรกที่เจอนอกจากความหนาวเหน็บ
ก็คือความใหม่ และความสวยงามของสนามบิน

กงล้อมนต์ ที่สนามบินก็มีนะ


ภายนอกอาคารผู้โดยสารของสนามบิน
Xianggelila หรือ Shangri-la Airport
ถ้าจองผ่านเว็บบางทีเขาจะใช้ชื่อ Diqing Airport (DIG)


อีกมุมหนึ่ง


หอบังคับการบิน

พอเข้ามาข้างในก็พบกับความใหม่ และความสะอาด
ของสนามบิน

สะอาดกว่าสนามบินคุนหมิงอีก
หรือเพราะว่าเรามาเช้า มันเลยยังสะอาดอยู่ รวมถึงห้องน้ำด้วย ^^"
เรามาเช้า เคาน์เตอร์ยังไม่เปิดให้เช็คอินเลย
นึกว่าประมาณสนามบินสุวรรณภูมิต้องไปก่อนสัก 2 ชั่วโมง
เลยเผื่อเวลาไว้เยอะหน่อย แต่ก็ดีอย่างไม่ต้องรีบๆ


ยืนหนาวอยู่สักพัก ก็มีผู้หญิงแต่งตัวเหมือนพนักงานเชื้อเชิญ
ให้เข้ามานั่งพักผิงพัดลมอุ่นๆ บนโซฟานุ่มๆ ตามรูป เราก็เลยตามไป
พัดลมสีแดงๆ ที่เห็นเป็นพัดลมทำความร้อนน่ะ
แปลกดี เพิ่งเคยเห็น เค้าชี้ให้ดูข่าวแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นด้วย...
นั่งสักพักก็เชิญให้สั่งชา ซะงั้น เพราะเขาเป็นพนักงานขายของนี่เอง

พอได้เวลา พนักงานของสนามบินก็มายืนเข้าแถว
ก่อนจะแยกย้ายกันไปประจำตำแหน่ง พอ Counter เปิด เราก็ไปเช็คอิน
ที่นี่เป็น Counter แบบเช็คอินรวม คือ ไม่มีแยกเช็คอินตามสายการบิน
ตอนที่ไปเปิดอยู่สองช่อง เราจองจากเว็บ Ctrip ตามเมล์เขาบอกว่า
ให้มายื่น Passport ที่สนามบินได้เลย ไม่ต้องใช้เอกสารใดๆ ทั้งสิ้น
ก็เสียวๆ อยู่ ว่าจะได้ไหม เพราะปกติเขาจะมี e-ticket มาให้
แต่เราก็ปริ้นเอกสารที่เกี่ยวข้องมาเผื่อ เพื่อความสบายใจ
และก็คอยเช็คเมล์ตลอด เผื่อ Flight โดนยกเลิก หรือเปลี่ยนแปลง
เพราะไม่เคยจองเครื่องบินผ่านเว็บจีนมาก่อน เคยแต่จองโรงแรม
ตั้งแต่สมัยที่เว็บยังมีแต่ภาษาจีน ต้องใช้เครื่องมือช่วยแปล จนตอนนี้เว็บ
เขาโกอินเตอร์แล้วมีภาษาอังกฤษกับเขาด้วย พนักงาน Call-Center
ก็พูดอังกฤษ สำเนียงจีน ได้เก่งมาก ตอนจองจากเมืองไทยมีปัญหานิดหน่อย
เขาก็โทรมาหาด้วย ตกใจหมดเลยเพราะไม่คิดว่าเขาจะโทรเข้าเบอร์มือถือของไทยที่ให้ไป

ถ้าต้องการจองเครื่องบินควรจองแต่เนิ่นๆ หน่อย
เพราะราคาจะถูกมาก ตอนที่ดูครั้งแรกก่อนเดินทางประมาณเดือนกว่าๆ
ราคาตั๋วแชงกรีล่าไปคุนหมิง ของ China Eastern Airline (MU)
ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 280 Y เท่านั้นเอง
แล้วก็จะไต่ระดับราคาขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึง 890 ถึง 1110 Y ก็มี
แต่ละราคาจะมีที่นั่งจำกัด พอเต็มราคาก็จะโดดไปต่อ
เนื่องจากเรายังลังเลว่าจะอยู่แชงฯ กี่วันดี หรือจะกลับจากลี่เจียง เลยยังไม่จอง
จน MU ราคาขึ้นไป 890 ละ หลังจากนั้นก็มีสายการบิน Lucky air
ชื่อเที่ยวบิน 8L9992 ขึ้นราคามาให้เลือก เราก็ยังตัดสินใจไม่ได้อีก
กลัวว่าคนน้อย มันจะยกเลิกไฟลท์มั้ย
จนราคามันขึ้นมาที่ 450 Y สำหรับสามคน และ 890 Y สำหรับอีกคน
ก็เลยได้ฤกษ์จองไปในที่สุด เพราะใกล้วันบินแล้วด้วย
นี่เป็นเหตุให้ Call-Center จาก ctrip ต้องโทรมา เพราะโปรแกรมมันทำมาไม่ดี
เราเลยลักไก่จองไป 4 คน ราคาคนละ 450 Y ได้
แต่เขาไม่ให้จองเพราะราคา 450 เต็มแล้ว ก็เลยต้องจองใหม่แยกเป็น 3 กับ 1
หลังจากนั้นไม่กี่วันลองกลับไปดูที่เว็บ อ้าวว ทำไมราคา 450 ยังมีอีกล่ะ
แต่ก็ช่างมันละ เพราะใกล้วันเดินทางแล้ว
และรวม 4 คนแล้วถูกกว่า MU อยู่พอสมควร
(ช่วงนั้น กำลังมีข่าวแผ่นดินไหว และข่าวโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ญี่ปุ่นพอดี
ราคามันเลยขึ้นๆ ลงๆ ยังไงไม่รู้ อาจเป็นเพราะบางทัวร์มียกเลิกด้วยมั้ง)

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ทำไมไม่จอง MU ตั้งแต่ราคา 280Y
ไม่งั้นจะประหยัดไปได้เยอะมากๆ

หมายเหตุ: เว็บ ctrip.com จะใช้คำว่า Shangri-la Airport
เว็บ elong.net จะใช้คำว่า Diqing Airport

กลับมาต่อที่ ... หลังจากโหลดกระเป๋าที่เคาน์เตอร์เช็คอินเสร็จ
ก็ผ่านขั้นตอนการ Scan พวกของที่ระลึกกงล้อมนต์ที่เราไม่ได้โหลด
ก็ผ่านการสแกนมาได้ด้วยดี แต่ไปเจอปัญหาตอนขาออก
จากสนามบินคุนหมิงจะมากรุงเทพ จนท.สแกนตั้ง 2 รอบ
เราเอาพวกกงล้อมนต์ที่แกว่งๆ หมุนๆ กับกงล้อมนต์แบบที่หมุน
โดยอาศัยพลังงานแสงอาทิตย์มาใส่รวมกัน และก็มีอย่างอื่นด้วย
ตอนสแกนนี่ เขาดูไม่ออกเลยว่าอะไร เราแอบดูในจอ
มันเหมือนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แผ่นเมนบอร์ด อะไรประมาณนั้นเลย
เขาเลยขอเปิดดู พอรู้ว่าเป็นของที่ระลึก เขาก็โอเคให้ผ่านได้
ไม่รู้เป็นเพราะเซลล์แสงอาทิตย์รึเปล่า ทำให้เห็นเป็นรูปแบบนั้น
แต่กลับมากรุงเทพทดลองใช้ ก็ยังใช้ได้อยู่ นึกว่าจะเจ๊งซะละ



หลังจากนั้นก็ผ่านขึ้นมาที่ชั้น 2 เพื่อมารอที่ Gate
ตั้งแต่ที่มาถึงสนามบิน จะได้ยินเสียงประกาศเป็นภาษาจีน
และภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับเที่ยวบินต่างๆ ที่บินเข้ามายังสนามบินนี้
อยู่เป็นระยะๆ ทำให้เรารู้ว่าสายการบินที่เราจะไปไม่มี Delay
และจะ Landing ตอนกี่โมง (อันนี้ก็ดีกว่าสนามบินที่คุนหมิงอีกละ)

มาแล้ว Lucky Air ชื่อนี้ทำให้จินตนาการไปว่า
สายการบินนี้ต้องอาศัยโชค และดวงในการบินหรือไม่ ?  -_____-"
แต่พอค้นๆ ดูใน internet ก็พบว่าเจ้าของคือ
Hainan Airlines, Shanxi Airlines ก็สายการบินใหญ่อยู่นะ
พอสบายใจได้ในระดับหนึ่ง

พอจอดเทียบแล้ว เห็นมีคนลงมาจากเครื่องไม่เกิน 20 คน
แล้วมันไม่เจ๊งหรอเนี่ย? ขาบินกลับไปคุนหมิงก็มีน้อยกว่าขาบินมาแชงฯ อีก


ขึ้นมาบนเครื่องแล้ว เตรียมตัวออกบิน


ภายในเครื่องบิน แอร์ฯ ที่นี่หน้าตา หุ่นดีกว่า
สายการบินแห่งชาติที่เรานั่งขากลับไปกรุงเทพซะอีก
ที่นี่เขาก็เข้มงวดนะ ระหว่างถ่ายรูปนี้ เขาก็บอกว่าห้ามถ่าย
กระเป๋าก็ให้วางเก็บให้เรียบร้อย ไม่ให้วางบนตัก ฯลฯ


บนเครื่องบินก็ไม่มีแจกอะไรเลย นอกจากน้ำเปล่า
นึกว่าจะมีขนมแจกสักนิดหน่อยก็ยังดี เพราะกำลังหิวเลย
ระหว่างทาง วิวสวยมาก เป็นมณฑลที่มีภูเขาเยอะมาก
และภูเขาก็สูงมากด้วย เสียดายที่กระจกมองวิวเลอะไปหน่อย
เลยถ่ายวิวข้างนอกไม่ค่อยชัด
กำลังเคลิ้มจะหลับ ก็ได้ยินเสียงประกาศแต่ฟังไม่ค่อยออก
ก็เลยจะหลับต่อ สักพักแอร์เข้ามาบอกให้ปรับเก้าอี้ขึ้น
อ้าว !! ถึงแล้วหรอเร็วจังเลย
ประมาณบินจากกรุงเทพไปพิษณุโลกไม่ถึงชั่วโมง


ถึงคุนหมิงโดยสวัสดิภาพ ไม่มีดีเลย์ ขับนุ่มดี
เสียดายไม่มีขนมให้กินบนเครื่อง
พอลงมาเจออากาศที่คุนหมิงกำลังเย็นสบาย ก็ปรับตัวแทบไม่ทัน
เพราะที่แชงกรีล่าหนาวมาก


แถมท้ายด้วยชื่อสนามบินต่างๆ ของมณฑลยูนนาน

Posted by Picasa

ไม่มีความคิดเห็น: