วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2550

Zhuhai จูไห่

จูไห่ เมืองที่อยู่ติดกับมาเก๊า



รอรถเมล์มา



บรรยากาศบนรถ เขามีจอตัวอักษรวิ่งบอกว่าตอนนี้ถึงป้ายไหนแล้วด้วยนะ รู้สึกจะมีเสียงพูดด้วย



นั่งรถ กินลมชมวิว



ถึงแล้ว สัญลักษณ์ของเมืองจูไห่เป็นรูปปั้นสาวงามกลางทะเล
ซึ่งก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความรักของหญิงสาวคนนี้ด้วย มีถนน Lover road ด้วยนะ
เป็นเมืองที่เน้นเรื่องความรัก ความโรแมนติกอะ เห็นโปรโมตอยู่
แล้วก็ให้อิสระเสรีมากเลย อย่างที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในเมืองจีน เกริ่นแค่นี้ก่อนเด๋วเล่าต่อ ^_^



ข้อเสียคือแถวนี้มีขอทานเยอะเหมือนกัน พอเดินออกมาก็มีของที่ทำจากเปลือกหอยขายด้วย
ที่เห็นเป็นรูปสัตว์ต่างๆ หล่อขึ้นรูปมาก่อน แล้วค่อยเอาเปลือกหอยมาแปะ ก็สวยดี
ซื้อมาตัวนึงด้วยที่เป็นรูปกิเลนอะ



ที่นี่มีร้านอาหารไทยด้วยนะ แต่เราไม่ได้เข้าไปอะ กลางวันก็เป็นอย่างที่เห็น
พอตกกลางคืนละแวกนี้จะเปลี่ยนปายย จะมีบาร์ มีผับ ร้านค้าแถวนี้(ฝั่งที่เรายืนถ่ายรูปนะ)
จะมีขายพวกอุปกรณ์เครื่องช่วยอย่างว่าเต็มเลย แบบว่าขายโจ่งแจ้งมาก
แล้วทั้งร้านก็ขายแต่ของแบบนี้ มีเหล้านิดหน่อย พ่อเราก็ไปยืนดูพักนึง -_-"
แล้วชายหญิงที่นี่เขาก็แสดงความรักกันแบบไม่อายใครเลยนะ(ไม่เท่าฝรั่ง) แต่ก็แปลกดีสำหรับเมืองจีน



โรงแรมที่เมืองจีนจะแถมหวีให้ด้วย เกือบทุกที่เลย



เห็นหลังคาแดงๆ สุดถนนนู่น เป็นด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งจูไห่ก่อนจะข้ามไปมาเก๊าอะ
ซึ่งจีนเขาไม่นับมาเก๊าว่าเป็นของจีนนะ เวลาข้ามด่านก็กรอกเอกสารแล้วก็เข้าคิวให้เขาตรวจ คิวยาววววมาก
พอผ่านฝั่งจูไห่เสร็จ ฝั่งมาเก๊าก็ต้องมานั่งกรอกเอกสารอีกที กว่าจะผ่านได้ยืนซะเมื่อยเลยอะ
แล้วก็ด่านมาเก๊าพนักงานตม.ถามอะไรเราไม่รู้ (ถามเป็นภาษาอังกฤษนะ แต่สำเนียงก็ออกจีนๆหน่อย)
ตอนแรกก็ฟังไม่ออก ก็ตกใจนึกว่าหน้าเราไปคล้ายกับผู้ร้ายข้ามแดนรึเปล่าจึงไม่ให้เราผ่าน
(พ่อแม่เราผ่านไปได้หมดแล้ว แบบสบายๆ) ฟังไปฟังมา ในที่สุดก็ฟังออก
เขาถามว่านี่เพิ่งเคยเข้ามาเก๊าเป็นครั้งแรกหรอ เราก็ตอบ yes แต่ในใจนึกว่า มันจะถามทำไมว้าาา ตกใจหมด
คนก็รอคิวเต็มเลย อายเขานะเนี่ย ฝรั่งข้างหลังก็เยอะ
อ้ออ ที่ด่านนี้ ชั้นใต้ดินจะมีของขายเต็มเลย ไปช้อปแบบเร่งด่วนได้กระเป๋าลากมาใบนึง (ของก๊อปเกรด A น่ะ)
ซื้อมาเพื่อใส่ของฝาก ถ้ามีเวลาคงได้อีกเยอะ
แล้วที่เขาบอกว่า ซื้อของที่จีนต้องต่อราคาครึ่งต่อครึ่งนี่จริงแฮะ เพราะราคาตั้งไว้สูงเวอร์เลย



ตัดกลับมาที่ ตอนเดินทางไปพิพิธภัณฑ์ ดูป้ายรถเมล์ฝั่งซ้ายดิ ไม่ใช่มีอย่างนี้แค่ป้ายเดียวนะ ป้ายอื่นก็ทำสวย



อันนี้ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์



ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้าง



ภายในพิพิธภัณฑ์ไม่ค่อยมีอะไร ก็เลยไปต่อที่พระราชวังหยวนหมิง (the new yuan ming palace)
แต่กว่าจะไปถึง นั่งรถเมล์แล้วหลง ลงเลยป้ายด้วย เสียเวลามากมาย ในรูปเป็นด้านหน้าทางเข้าพระราชวังฯ



ป้ายโฆษณา ที่นี่เป็นพระราชวังจำลอง เรียกว่าพระราชวังหยวนหมิงฯ
กำลังลุ้นว่าวันธรรมดาจะมีโชว์มั้ย กังวลตั้งแต่ก่อนไปจีนแล้ว



ดูตั๋วกันก่อน ค่าเข้าชมคนละ 100 หยวน เงินไทยคร่าวๆ ก็คูณ 5 แต่เข้าไปแล้วคุ้มๆ
และจากตั๋วก็รู้ว่าวันนี้มีโชว์ด้วย มาไม่เสียเที่ยวแล้ว




พอยื่นตั๋วเสร็จ ให้เขายิงบาร์โค้ด ก็เข้าไปข้างในกัน
ข้างในพระราชวังหยวนหมิงฯ กว้างใหญ่มาก มีหลายโซน แต่เนื่องจากไม่ได้ไปกับทัวร์
เลยไม่รู้ว่าแต่ละโซนมีความเป็นมาอย่างไรบ้าง เลยเดินเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยๆ





ที่เห็นฝั่งซ้ายเหมือนวัดทิเบต แต่ถ้าไปดูด้านหน้าจะเป็นเวทีแสดงโชว์ของที่นี่






อันนี้ออกแนวยุโรปหน่อย




ที่ประทับของฮ่องเต้ มีชุดให้เช่าใส่ ถ่ายรูปด้วย



ร้านอาหารภายในพระราชวังหยวนหมิงฯ



วิวแถวๆ ร้านอาหาร



เมนูอาหารฮ่องเต้ ราคาเลยแพงสำหรับชาวบ้านแบบเรา



ดูดิ อาหารฮ่องเต้ชุดนี้ถูกที่สุดแล้ว รวมแล้วเกือบพัน มีกับข้าวประมาณ 4-5 อย่าง
น้ำแกงโถวนี้เล่นเอามึนเหมือนกัน เพราะผสมเหล้าด้วย



อาหารฮ่องเต้... ถึงจะแพง แต่ได้บรรยากาศ และอร่อยมาก
รูปนี้ถ้าไม่รีบถ่าย คงเหลือแต่ก้างปลาแน่ๆ
ดีนะ!!ห้ามทัน



ป้ายโฆษณาโชว์พระราชวังหยวนหมิงฯ
ก่อนที่จะมีโชว์ แทบไม่มีคนเดินในพระราชวังหยวนหมิงนี้เลย
เพราะเป็นวันธรรมดาและเริ่มมืดแล้วด้วย



แต่พอถึงช่วงแสดงโชว์ ประมาณหกโมงเย็น คนมาจากไหนไม่รู้ ค่อยๆ ทยอยมาจนเกือบเต็ม
ดูจากหน้าตา น่าจะเป็นคนพื้นที่ สงสัยเขาจะเสียค่าเข้าเฉพาะค่าดูการแสดงเท่านั้น
แล้วคงจะได้ส่วนลดด้วย เพราะดูแล้วน่าจะมากันบ่อยนะเนี่ย
และการแสดงก็มีทุกวัน โชว์นี้แสดงประมาณ 2 ชม.



พอโชว์นี้จบ เดินไปอีกหน่อยก็มีโชว์แสง สี เสียง กลางน้ำ
มีเรือ มีระเบิด มีการรบ หนุกดี โชว์นี้จบก็สามทุ่มพอดี

ไม่มีความคิดเห็น: